วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557

computer project

ประเภทสื่อการเรียนรู้


ไฮเปอร์บุ๊ก (Hyperbook)


หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ แต่หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ก็คือ หนังสือที่เก็บอยู่ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ หรือเก็บไว้อยู่ในแบบของไฟล์ โปรแกรมส่วนมากที่เข้าใจกันคือ หนังสือที่เก็บในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ต้องใช้กระดาษ และมีการสร้างจากคอมพิวเตอร์ และสามารถอ่านได้จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก พีดีเอ(Personal Digital Assistant) Palm และ PocketPC หรือกระทั่งอ่านได้จากโทรศัพท์มือถือบางรุ่น
E-book เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่จะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ด้วยความสะดวกสบายของทั้งการสร้าง E-book ความสะดวกในการพกพา ขนาดที่เล็ก และสามารถอ่านได้ทุกที่ทุกเวลาที่มีอุปกรณ์พกพาที่สามารถอ่าน E-book ได้ สามารถสร้างให้ E-book นอกจากจะมีสีสันสวยงามเพื่อง่ายต่อการอ่าน และทำความเข้าใจแล้ว ยังสามารถใส่เสียง ภาพเคลื่อนไหว สร้างสารบัญ (Link) หรือการคลิกเพื่อส่ง E-Mail ไปยังผู้เขียน หรือ E-Mail ใน E-book ก็ได้
ข้อดีและข้อจำกัดของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
ข้อดีของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์มีข้อดีดังต่อไปนี้
1. เป็นสื่อที่รวมเอาจุดเด่นของสื่อแบบต่างๆ มารวมอยู่ในสื่อตัวเดียว คือ สามารถแสดงภาพ แสง เสียง ภาพเคลื่อนไหว และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้
2 .ช่วยให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการเรียนรู้และเข้าใจเนื้อหาวิชาได้เร็วขึ้น
3. ครูสามารถใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการชักจูงผู้เรียนในการอ่าน,การเขียน,การฟังและการพูดได้
4 . มีความสามารถในการออนไลน์ผ่านเครือข่ายและเชื่อมโยงไปสู่โฮมเพจและเว็บไซต์ต่างๆอีกทั้งยังสามารถอ้างอิงในเชิงวิชาการได้
5 . หากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตหรืออินทราเน็ตจะทำให้การกระจายสื่อทำได้อย่างรวดเร็ว และกว้างขว้างกว่าสื่อที่อยู่ในรูปสิ่งพิมพ์
6 . สนับสนุนการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือน ห้องสมุดเสมือนและห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
7. มีลักษณะไม่ตายตัว สามารถแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา อักทั้งยังสามารถเชื่อมโยงไปสู่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้โดยใช้ความสามารถของไฮเปอร์เท็กซ์
8. ในการสอนหรืออบรมนอกสถานที่ การใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะช่วยให้เกิดความคล่องตัวยิ่งขึ้น เนื่องจากสื่อสามารถสร้างเก็บไว้ในแผ่นซีดีได้
9. การพิมพ์ทำได้รวดเร็วกว่าแบบใช้กระดาษ สามารถทำสำเนาได้เท่าที่ต้องการ ประหยัดวัสดุในการสร้างสื่อ อีกทั้งยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย
10. มีความทนทาน และสะดวกต่อการเก็บบำรุงรักษา ลดปัญหาการจัดเก็บเอกสารย้อนหลังซึ่งต้องใช้เนื้อที่หรือบริเวณกว้างกว่าในการจัดเก็บ รักษาหนังสือหายากและต้นฉบับเขียนไม่ให้เสื่อมคุณภาพ
11. ช่วยให้นักวิชาการและนักเขียนสามารถเผยแพร่ผลงานเขียนได้อย่างรวดเร็ว
ข้อจำกัดของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ถึงแม้ว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะมีข้อดีที่สนับสนุน
ด้านการเรียนการสอนมากมายแต่ก็ยังมีข้อจำกัดด้วยดังต่อไปนี้
1. คนไทยส่วนใหญ่ยังคงชินอยู่กับสื่อที่อยู่ในรูปกระดาษมากกว่าอีกทั้งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ยังไม่สมารถใช้งานได้งายเมื่อเทียบกับสื่อสิ่งพิมพ์ และความสะดวกในการอ่านก็ยังน้อยกว่ามาก
2 .หากโปรแกรมสื่อมีขนาดไฟล์ใหญ่มากๆ จะทำให้การเปลี่ยนหน้าจอมีความล่าช้า
3.การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดี ผู้สร้างต้องมีความรู้ และความชำนาญในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
4. ผู้ใช้สื่ออาจจะไม่ใช่ผู้สร้างสื่อฉะนั้นการปรับปรุงสื่อจึงทำได้ยากหากผู้สอนไม่มีความรู้ด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์
5.ใช้เวลาในการออกแบบมาก เพราะต้องใช้ทักษะในการออกแบบเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้สื่อที่มี
คุณภาพ

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โครงงานคอมพิวเตอร์


1.โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)

     เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคำถามคำตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้ ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เป็นครูผู้สอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบ Online ให้นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้

Desktop Author (โปรแกรม e-book สร้าง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์)


Desktop Author (โปรแกรม e-book สร้าง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์)


Desktop Author โปรแกรม e-book สร้าง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เป็นโปรแกรมที่สามารถทำ e-publication สร้างเอกสารดิจิตอลหรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ อีบุ๊ค เพื่อการใช้งานในด้านต่างๆ 

TypingQueen Typing Tutor (โปรแกรม TypingQueen หัดพิมพ์ดีด)

 





TypingQueen Typing Tutor (โปรแกรม TypingQueen หัดพิมพ์ดีด)


ดาวน์โหลดโปรแกรม TypingQueen โปรแกรมสำหรับฝึกสอนการพิมพ์ดีด มีทั้งแบบเกมส์ และ แบบทดสอบการฝึกพิมพ์เพื่อให้ผู้ใช้เกิดความเชี่ยวชาญมากขึ้น หลากหลายระดับ พร้อมออกรายงาน 

ที่มา
http://software.thaiware.com/

ตัวอย่างรูปเล่มโครงงาน


วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ตัวอย่างโครงงาน

ตัวอย่างโครงงานภาษาไทย
                          เรื่อง สำนวนภาษา คำพังเพยในท้องถิ่น

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
          ภาษาไทยในแต่ละท้องถิ่น มีภาษาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง อาจจะแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม ประเพณี อิทธิพล จากประเทศเพื่อนบ้าน ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศและความเป็นอยู่ในท้องถิ่นนั้น ๆ ดังนั้น สำนวนภาษา และคำพังเพยที่ใช้จึงมีภาษาพูดที่แตกต่างกันออกไป แต่ความหมายยังคล้ายคลึงกัน เช่นเดียวกับสำนวนภาษา และคำพังเพยที่แตกต่างกันออกไป
          จึงได้ทำโครงงานการศึกษา สำนวนภาษาและคำพังเพยในท้องถิ่นของจังหวัดตรังขึ้น

วัตถุประสงค์
          1. เพื่อรวบรวมสำนวนภาษา และคำพังเพยที่มีในท้องถิ่น
          2. เพื่อหาความหมายของสำนวนภาษาและคำพังเพย
          3. เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้แก่บุคคลทั่วไปนำไปใช้ให้ถูกต้อง

สมมุติฐานของการศึกษาค้นคว้า
          สำนวนภาษา และคำพังเพยแต่ละท้องถิ่นแตกต่างกัน

ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
          1. สถานที่สำรวจในพื้นที่จังหวัดตรัง
          2. ระยะเวลาศึกษาตั้งแต่ 26 กุมภาพันธ์ - 15 มีนาคม 2543

อุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ในการศึกษา
          1. หนังสือเสริมทักษะภาษาไทย ป. 5
          2. พจนานุกรม ปทานุกรม
          3. เครื่องเขียน

วิธีการศึกษา
          1. สอบถาม สัมภาษณ์ จากครู ผู้ปกครอง และบุคคลแหล่งชุมชนในท้องถิ่น
          2. ศึกษาค้นคว้าจากห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดประชาชน
          3. สังเกตจากการเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชน
          4. สร้างเครื่องมือ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์
          5. รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล บันทึกผล

วิธีบันทึก
          1. บันทึกภาพ
          2. จดบันทึก
          3. แบบสอบถาม

สรุปผลการศึกษา
          ในการศึกษาสำนวนภาษา และคำพังเพยที่ใช้ในท้องถิ่น จังหวัดตรัง ได้ข้อมูลทั้งสิ้น 23 สำนวน ดังนี้
          1. หูทวนลม                หมายความว่า     พูดไม่ฟัง
          2. หยาบเหมือนขี้ช้าง   หมายความว่า    ไม่เรียบร้อย
          3. ขี้คร้านหลังยาว        หมายความว่า     เป็นคนขี้เกียจ
          4. สีซอให้ควายฟัง       หมายความว่า     ฟังแต่ไม่รับรู้
          5. สู้หลังชนฝา             หมายความว่า     สู้ไม่ถอย
          6. กินข้าวสองมือ         หมายความว่า     เป็นคนสุขสบาย
          7. ลิงหลอกเจ้า            หมายความว่า     ต่อหน้าทำดีลับหลังนินทา
          8. ต้มสิบน้ำไม่เปื่อย     หมายความว่า    เป็นคนเฉื่อยชา ไปเรื่อย ๆ
          9. เณรเกตุ                  หมายความว่า    เที่ยวไม่รู้หัวนอนปลายเท้า
         10. แมวงอกเขาเต่างอกขา      หมายความว่า     เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
         11. จับปูใส่ด้ง                         หมายความว่า     อยู่ไม่นิ่ง
         12. จับน้ำใส่โหลก โงกแลเงา   หมายความว่า     ให้เจียมตัว
         13. ใหญ่พร้าว เฒ่าลอกอ         หมายความว่า     โตแต่ตัว
         14. อยู่จนพร้าวเรียว                หมายความว่า      แต่งงานอยู่กินกันมานาน
         15. ไม่เข้าเค้า                        หมายความว่า      ไม่ได้เรื่อง
         16. ไม่สาเกลือ                        หมายความว่า      ไม่น่านับถือ
         17. ไม่สาไหร                          หมายความว่า      ไม่ได้เรื่อง
         18. ดำเหมือนกล้วยหมกลืม      หมายความว่า      เปรียบเทียบคนผิวดำ
         19. ดำเหมือนตอเคี่ยม             หมายความว่า      เปรียบเทียบคนผิวดำ
         20. นอนหวันแยงวาน                หมายความว่า      นอนตื่นสาย
         21. นอนหวันแยงตา                  หมายความว่า      นอนกลางวันจนค่ำ 
แล้วยังไม่ตื่น
         22. ทำงานหลาวหลาว               หมายความว่า      ทำงานขาดความรอบคอบ
         23. รวยหยังหยัง                       หมายความว่า       ร่ำรวยมาก

อภิปรายผลการศึกษา
          สำนวนภาษา คำพังเพย ที่ไปสำรวจได้ ถ้าพูดด้วยภาษถิ่นทางใต้ด้วยแล้ว บางครั้งคนฟังที่เป็นคนต่างถิ่น จะไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าใช้ภาษากลางพูด บางสำนวนฟังแล้วรู้เรื่อง เช่น สำนวนว่า "นอนหวันแยงวาน" หวัน หมายถึง ตะวัน แสงอาทิตย์ แยง หมายถึง ทิ่ม แทง วาน หมายถึง ทวาร ซึ่งคนมทางใต้นิยมพูดสั้น ๆ เอาพยางค์สุดท้ายของคำมาพูด อย่างไรก็ตาม ภาษาถิ่นแต่ละแห่งย่อมแตกต่างกันไป ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก

สรุปผลการศึกษา
          1. ได้สำนวนภาษา คำพังเพย จำนวน 23 สำนวน
          2. ได้ทราบความหมายของสำนวนทั้ง 23 สำนวน

ประโยชน์ที่ได้รับ
          1. ได้ทราบภาษาถิ่นที่เป็นสำนวนภาษา และคำพังเพย
          2. ได้ทราบความแตกต่างของภาษาถิ่นและภาษากลาง บางคำมาจากรากศัพท์เดียวกัน
          3. ภูมิใจในวัฒนธรรมของท้องถิ่น ภาษาของชาวบ้านที่สรรหาคำมาเปรียบเปรย

ข้อเสนอแนะ
          1. ทำโครงงานเรื่องนี้ต่อ โดยเก็บรวบรวมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
          2. จัดรวบรวม จำแนก จัดหมวดหมู่ให้เป็นระบบ

*************************************************
วัตถุประสงค์
          1. เพื่อรวบรวมสำนวนภาษา และคำพังเพยที่มีในท้องถิ่น
          2. เพื่อหาความหมายของสำนวนภาษาและคำพังเพย
          3. เพื่อเผยแพร่ให้ความรู้แก่บุคคลทั่วไปนำไปใช้ให้ถูกต้อง

อุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ในการศึกษา
          1. หนังสือเสริมทักษะภาษาไทย ป. 5
          2. พจนานุกรม ปทานุกรม
          3. เครื่องเขียน

วิธีการศึกษา
          1. สอบถาม สัมภาษณ์ จากครู ผู้ปกครอง และบุคคลแหล่งชุมชนในท้องถิ่น
          2. ศึกษาค้นคว้าจากห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดประชาชน
          3. สังเกตจากการเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชน
          4. สร้างเครื่องมือ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์
          5. รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล บันทึกผล

ประโยชน์ที่ได้รับ
          1. ได้ทราบภาษาถิ่นที่เป็นสำนวนภาษา และคำพังเพย
          2. ได้ทราบความแตกต่างของภาษาถิ่นและภาษากลาง บางคำมาจากรากศัพท์เดียวกัน
          3. ภูมิใจในวัฒนธรรมของท้องถิ่น ภาษาของชาวบ้านที่สรรหาคำมาเปรียบเปรย